Adis Art ชวนมาพูดคุยกับ ปิ๊ง – เปี่ยมรัก หัตถกิจโกศล หรือ ปิ๊ง หัตถะ (Pinghatta) เจ้าของผลงานที่มีแนวคิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกคน และเส้นทางสู่การสร้างสรรค์ศิลปะลงบนเฟรมผ้าใบ
เริ่มต้นทำงานศิลปะได้ยังไง
เราชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่อาจจะไม่ได้สานต่อตรงนั้น เพราะเคยคิดว่า การวาดรูปจะทำเป็นอาชีพได้ยังไง ไปเป็นดีไซน์เนอร์ดีกว่า เพราะมันเป็น applied art เลยเป็นนักออกแบบชุดชั้นใน ทำให้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันปิ๊งยังคงได้อิทธิพลจากฟอร์ม ความโค้งเว้า และรูปร่างของผู้หญิงมาโดยตลอด การสร้างอะไรสักอย่างที่ทำให้ผู้หญิงหรือคนที่ identify ว่าเป็นผู้หญิงมีความมั่นใจขึ้น ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้สร้างพลังใจอะไรสักอย่างให้เค้า แต่ด้วยการทำงานประจำ เลยทำให้ความตั้งใจของเรามันอาจจะเป็นไปไม่ได้จริงขนาดนั้น เพราะว่าการทำงานบริษัทจะมีเรื่องงบการเงิน หรือเรื่องของการตลาดอยู่ บางทีรู้สึกเหมือนเราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ หรือบางทีโปรเจคที่เราอยากเสนอมันถูกปิดกั้น ปิ๊งเลยคิดว่าเรากลับมาวาดรูปดีไหม
เริ่มทำงานศิลปะแบบเป็น Fine Art ตอนไหน
ประมาณปี 2019 ตอนนั้นเราก็ยังวาดภาพประกอบอยู่ แล้วก็ได้จัดนิทรรศการครั้งแรกที่ River City Bangkok ด้วย การทำ Fine Art จริงๆก็ยังเป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับเรา และคิดว่ามีอะไรที่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ตอนนี้เหมือนเห่อวิชามั้ง (หัวเราะ) ก็ขยันเพ้นท์งานไปก่อน ยังรู้สึกว่าถ้าตัวเองจะจัดนิทรรรศการอีกรอบ ขอย้อนดูตัวเองจากเมื่อ 2-3 ปีก่อน อะไรประมาณนี้
แต่คิดว่าเริ่มทำ Fine Art แบบจริงจัง เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว (2022) บวกกับมาเจอ Adis Art Studio ด้วย เพราะว่าหาที่สแกนงานอยู่นาน ไม่รู้จะสแกนที่ไหน พอเจอที่นี่ก็รู้สึกดีมากๆ ตอนนี้ยังไม่มั่นใจที่อยากจะโชว์ผลงานทั้งหมด แต่เราสนุกนะ คิดว่ามาถูกทาง และยังอยากพัฒนาตัวเองต่อไปก่อน
ทำไมวาดคนหัวเล็ก แต่ตัวใหญ่
ปิ๊งว่ามันเป็นวิธีการหนึ่งของสไตล์ที่ปิ๊งอยากถ่ายทอดออกมา ในส่วนของฟอร์มที่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าผู้หญิงที่มีไหล่กว้างหน่อย ซึ่งอาจจะบึกบึนในสายแฟชั่น และคนก็จะรู้สึกว่าไม่พิมพ์นิยม แต่ปิ๊งคิดว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความแตกต่าง ซึ่งก็มีส่วนโค้งเว้า มีความอ่อนนุ่ม (softness) และพลัง (strengh) และสองสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ไปด้วยกันได้ในฟอร์มของรูปร่างผู้หญิง ปิ๊งเลยถ่ายทอดออกมาด้วยการวาดแบบนี้
ด้วยพื้นฐานปิ๊งคือนักออกแบบแฟชั่น ดังนั้น figure drawing ก็จะมีอิทธิพลในงานของปิ๊ง แต่เวลาเราเรียนในโรงเรียนแฟชั่น เค้าก็จะสอนให้วาด figure ในรูปแบบอีกแบบนึง การวาดสัดส่วนที่ขาต้องยาว หรือต้องมีรูปร่างที่อาจดูไปทางด้านผอม แต่ปิ๊งคิดว่ามันไม่คลอบคลุมความเป็นจริงทั้งหมด มันแค่แสดงให้เห็นฟอร์มแบบหนึ่งของผู้หญิงเท่านั้น เราเลยอยากถ่ายทอดข้อความตรงนี้ไปด้วยว่า Every form is beautiful on its own.
ชอบอะไรในเทคนิคนี้
ในส่วนของงานเพ้นท์ จะชอบที่ได้วาดบนเฟรมขนาดใหญ่ๆ มันสนุกมากเลย ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบ พอได้เริ่มทำบนเฟรมขนาดใหญ่ยิ่งอยากท้าทายตัวเอง และยิ่งทำเยอะก็ยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ทีนี้พอกลับไปวาดรูปเล็กๆก็จะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุกเหมือนแต่ก่อนแล้ว อีกอย่างเราชอบความที่สามารถใช้สีได้ตามใจเรา หรือการเลือกระบายสีไปตามอารมณ์ หรือการปาดสีเป็นก้อนๆลงบนเฟรมผ้าใบได้ มันไม่เหมือนกันกับตอนที่เราเป็นนักวาดภาพประกอบ เพราะมีกฎเกณฑ์เยอะมาก เช่น ลูกค้าต้องการแบบนี้ ต้องใช้สีแบบนี้เท่านั้น มันมีกระบวนการคิดที่แตกต่างกันมากๆเลย
นอกจากเทคนิคนี้ยังมีเทคนิคการวาดบนสมุดสเก็ตช์ ปิ๊งก็จะใช้สมุดเก่าๆไม่จำเป็นจะต้องเป็นสมุดสเก็ตช์จริงจังก็ได้ เราใช้สีที่เหลือจากการวาด หรือบางทีก็วาดก่อนลงมือทำจริงบนเฟรม คือมีภาพตัวอย่างมาแล้วเราก็วาดตามรูปนั้นแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดอะไรเลย แค่วาดอะไรก็ได้ลงไป จริงๆมันเป็นอะไรที่ผ่อนคลายมากๆ แค่ปล่อยให้ความคิดลื่นไหลไปกับมัน ดังนั้นการทำสมุดสเก็ตช์จึงเหมือนเป็นสนามเด็กเล่นให้ปิ๊ง บางทีเราได้อะไรบางอย่างจากการวาดเล่น เช่น คู่สีที่คิดไม่ถึง หรือการใช้พื้นหลังสีนี้ตัดกับสีผิวคนแล้วรู้สึกถูกจริต หรือการจัดองค์ประกอบศิลป์ใหม่ๆก็ด้วย
(pinghatta.com)
แรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะ
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจมีทั้ง ฟอร์ม สี รวมไปถึงศิลปินที่ชอบ ซึ่งจริงๆมีหลายคนมาก แต่อาจจะเป็นช่วงนี้และคอลเลคชั่นนี้ที่วาดบนเฟรมผ้าใบ ก็คือการเรียนรู้จาก Henri Matisse ค่ะ แต่สำหรับปิ๊งแล้ว ปิ๊งรู้สึกว่าการเรียนรู้เทคนิคจาก Matisse แล้วเราเอามาปรับให้เป็นตัวเราเองยังไง และหลังจากนี้ เราอยากจะทำซีรี่ส์อะไร หรืออยากถ่ายทอดข้อความที่อยากจะสื่อให้คนดูงานศิลปะยังไง เป็นสิ่งที่ท้าทายเราให้ทำต่อในอนาคตค่ะ ปิ๊งว่ามันอยู่ที่การสำรวจให้มาก เสร็จแล้วก็ต้องเอามาปรับให้สอดคล้องกับสิ่งที่เรามีอยู่ ถ้าเป็นในวงการแฟชั่น มันเหมือนการมี moodboard แล้วก็จะมี reference เยอะมาก ดังนั้นต้องคิดต่อว่าจะทำยังไงให้มันออกมาเป็นงานของเราเอง
สิ่งที่ดึงดูดให้รู้สึกอยากทำงานศิลปะ
ปิ๊งว่าเรื่องแบบนี้มันมาจากภายในนะ มันเรียบง่ายมาก แค่เราอยากทำ เป็นการตื่นมาแล้วรู้สึกว่าอยากจะทำจริงๆอะไรแบบนี้ ให้เลือกระหว่างไปเที่ยวกับทำสิ่งนี้ก็อยากทำสิ่งนี้มากกว่า พูดแล้วอาจจะฟังดูบ้างาน บางทีก็รู้สึกว่าเรารีแล็กซ์บ้างก็ได้นะ (หัวเราะ) แต่เราไม่รู้สึกไงว่าสิ่งนี้คืองาน เพราะเรารู้สึกเหมือนได้เล่นอยู่ตลอดเวลา ปิ๊งว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ และมันจะทำให้เราอยู่กับอาชีพนี้ไปได้อีกยาวๆเลย
เลือก 3 ผลงานที่ชอบและอยากพูดถึง
(pinghatta.com)
1. งาน Nike เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ชอบเพราะว่ามันให้ความรู้สึกแปลกใหม่มากๆเลย การที่เราเป็นนักวาดภาพประกอบแล้วทางแบรนด์เค้าเห็นวิสัยทัศน์ของเราว่าเราอยากจะถ่ายทอดอะไรออกไป เป็นโมเม้นต์แรกที่เค้าทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นศิลปิน ไม่ใช่นักวาดภาพประกอบนะ เรามีมุมมอง เรามีข้อความที่อยากจะสื่อออกไป วิสัยทัศน์ของเราตรงกันตรงที่ว่า ภาพ key visual เป็นเกี่ยวกับ woman empowerment ค่ะ แล้วเค้าให้อิสระในการทำงานมากๆ Nike เป็นพาร์ทเนอร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ปิ๊งยังคงทำงานแบบนี้ และสื่อสารข้อความเพื่อผู้หญิงต่อไป เพราะเค้าเป็นคนทำให้เห็นแล้วว่าเสียงของปิ๊งมันมีความหมาย แล้วงานที่ได้เผยแพร่ออกไปก็ได้มีอิทธิพลต่อเด็กรุ่นใหม่ๆ บวกกับตอนนั้นน้องเทนนิสเพิ่งได้เหรียญทองเทควันโด เลยได้มีโอกาสวาดน้องในแคมเปญนั้นด้วย สนุกดี
ในงานนั้น แนวคิดของเราคือ soft and strong เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันน่าสนใจมากที่คนเราสามารถทั้งนุ่มนวล แล้วก็แข็งแกร่งได้ เรา soft แล้วเราก็ strong ได้ ปิ๊งเลยอยากจะอธิบายเรื่องราวนี้ออกไปจากสีที่ปิ๊งใช้ แล้วก็ฟอร์มของผู้หญิงที่ยืนด้วยความมั่นใจมากๆ ประมาณนี้ เป็นงานที่ปิ๊งทำแล้วมีความสุขมากค่ะ
(pinghatta.com)
2. ภาพประกอบ 12 ราศี ที่ทำให้หลายๆนิตยสารค่ะ ส่วนใหญ่จะมีแนวคิดให้วาด 12 ราศี โดยที่ใส่ความเป็นแฟชั่นเข้าไปด้วย เพราะว่าเป็นนิตยสารเกี่ยวกับแฟชั่น ชอบเพราะส่วนตัวชอบเรื่องโหราศาสตร์ แล้วก็ศึกษามาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีในการที่เราจะได้ให้มุมมองใหม่ๆในนิตยสารแฟชั่นนะ ที่ปกติจะมาเป็นรูปแบบเดียวกัน แต่ว่าเราทำให้มีความสนุกมากขึ้น หลากหลายและแตกต่างมากขึ้น ด้วยการที่เราใช้ figure ที่ไม่แฟชั่นแบบนั้น และเลือกใช้โทนสีผิวที่หลากหลายมากๆ หรือว่าความหลากหลายทางด้านอายุหรือเพศสภาพ ปิ๊งว่ามันน่าสนใจมาก แล้วปิ๊งยังอยากพูดถึงการเหมารวมราศีนั้นๆว่าต้องมีคาแรกเตอร์แบบนั้น เราเลยคิดว่าจะทำยังไงให้มันทำลายบรรทัดฐานตรงนั้นให้ได้ เช่น ราศีมีนไม่จำเป็นจะต้องนุ่มนิ่มเสมอไป ซึ่งพอมองในมุมกว้างๆแล้ว เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่มันเล็กน้อยมากจากทั้งนิตยสาร แต่ก็คิดว่าในความเล็กน้อยตรงนี้มันอาจจะสร้างมุมมองอะไรใหม่ๆได้บ้าง
(pinghatta.com)
3. นอกจากงานวาดภาพประกอบ ปิ๊งยังมีธุรกิจขายการ์ดที่ได้ไอเดียจากมีมแมวอยู่ด้วยค่ะ ชื่อว่า chonky goods ซึ่งเริ่มขึ้นจากความบังเอิญนะ เพราะตอนที่ปิ๊งเริ่มเปลี่ยนสายงานตอนอยู่ที่อเมริกา แล้วเราไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงกับการเป็นนักวาดภาพประกอบ เลยเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ก็คือเราเป็นคนชอบส่งโปสการ์ด ส่งการ์ดหาเพื่อนๆที่อยู่ต่างประเทศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยคิดว่าทำไมเราไม่ทำเองซะเลย ไปๆมาๆก็ได้แรงบันดาลใจจากอะไรที่ง่ายๆ เช่นแมว เพราะเป็นทาสแมวอยู่แล้วด้วย เลยเริ่มทำจากร้านออนไลน์ แต่ไม่มียอดขายเลยตลอด 4 เดือน เราเลยลองไปออกบูธที่ flea market ดู ออกไปสักพักก็ได้มาเจอร้านเล็กๆใน New York ที่เค้าสนใจอยากซื้อของปิ๊งเลยขอดู catalogue แล้วเราก็เริ่มเข้าธุรกิจการขายส่งจากนั้นเป็นต้นมา มันทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมาก
ผลงานหนึ่งในนั้นที่ชอบมาก คือการปั้มการ์ดทำมือค่ะ จุดเริ่มต้นตอนแรกเริ่มมาจากการที่เราไม่มีเงินไปจ้างเค้าพิมพ์ให้ เราเลยแกะแผ่น lino แล้วก็พิมพ์มือเลยชิ้นต่อชิ้น เป็น handmade 100% แล้วทุกวันนี้ยังสนุกกับการทำอะไรแบบนี้อยู่นะ แต่ว่าหลังเริ่มปวดแล้ว (หัวเราะ)
อีกอันที่ชอบคือปิ๊งเพิ่งออกไพ่ทาโร่ต์มีมแมวค่ะ ได้รับแรงบันดาลใจจากมีมเยอะมาก เพิ่งได้ทำแค่เมเจอร์อะคาน่าเอง แต่สนุกกับมันมากเลย เพราะในทุกงานที่ทำปิ๊งอยากให้คนดูได้อารมณ์ขันไม่มากก็น้อย และการทำไพ่ทาโร่ต์คอลเลคชั่นนี้ ทำให้เราสนุกกับงานจริงๆเพราะมันตลก ตอนนี้ก็กำลังมีแพลนจะออกไมเนอร์อะคาน่า แต่ว่างานใหญ่มากเลย เพราะว่าแค่ 21 ใบนี้ก็จะร้องไห้แล้ว
มุมมองต่อวงการศิลปะในแง่ของการ reproduction
เอาจริงๆ ปิ๊งคิดว่างานศิลปะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปควรซื้อได้และเข้าถึงได้ง่าย คือปิ๊งอาจจะเป็นสายแม่ค้าเลยคิดว่าถ้าเราทำงานไป ก็อยากจะให้คนทั่วไปเข้าใจและสัมผัสถึง และถ้าเค้าอยากจะเป็นเจ้าของชิ้นงาน หรืออยากได้มาไว้ที่บ้าน หรืออยากได้โปสเตอร์งานเรา ก็ควรจะสามารถเข้าถึงมันได้ด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น top1% เท่านั้นถึงจะได้ครอบครองงานศิลปะ แต่โดยส่วนตัวการทำ Giclee Print หรือ Archival Print ยังไม่เคยทำนะ แต่ว่าก็สนใจอยากจะลองทำกับ Adis Art studio ดู
จุดเริ่มต้นการนำงานมาสแกน และความประทับใจใน Adis Art studio
อย่างที่บอกว่าหาที่สแกนงานอยู่ แล้ว Google เลยเจอ studio ส่วนความประทับใจคือสแกนงานรวดเร็ว และส่งไฟล์ไวมาก มีความประณีต งานที่ออกมาคุณภาพสูงมากค่ะ ชอบมาก นอกจากนี้การเก็บรักษางานก็ดีมากด้วย
คิดว่าไฟล์รูปที่มีความละเอียดสูง (high resolution) สำคัญมากมั้ย
สำคัญมาก ถ้ารู้งี้คงบอกกับตัวเองตั้งแต่ตอนแรกๆแล้วว่าให้ลงทุนในการเก็บผลงาน ถ้าคิดจะทำแบบจริงจัง หรือคิดจะทำทั้งชีวิต ให้เก็บตั้งแต่เด็กๆเลย มันเหมือนการลงทุนนะ สแกนแล้วเก็บแบบดีๆ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้จริงๆว่าเราอาจจะอายุยืนเหมือน David Hockney ก็ได้ การเก็บไฟล์งานจึงจำเป็นมาก เก็บผลงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และที่สำคัญต้องจดลิขสิทธิ์ทุกอย่างด้วย อันนี้คือไม่มีใครเคยสอน แต่เพิ่งมาถึงบางอ้อเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนมีคนเลียนแบบงานเรา เลยต้องจดลิขสิทธิ์ทุกอย่าง ควรจะป้องกันตัวเองและงานของตัวเองด้วย ถ้าเป็นไปได้
ฝากผลงาน
ติดตามผลงานได้ที่ instagram @Pinghatta และสามารถอุดหนุนสินค้าจาก chonky goods ได้ที่ Instagram @chonky.goods มีโปสการ์ดและสติ๊กเกอร์ขายที่ River City Bangkok ค่ะ นอกจากนี้มีงานที่กำลังทำอยู่ คือออกแบบหน้าปกหนังสือให้กับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในไทย ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ