Interview

Adis Art X Meanapas.c

Adis art พาทุกคนมารู้จักศิลปินนามปากกา Meanapas.c ที่มีที่มาจากชื่อจริง “มีน – นภัส จันทร์แสง”ศิลปินผู้ชอบค้นหาความสนุกใหม่ๆ และมีความสุขกับการได้วาดรูปอยู่เสมอ

เล่าประสบการณ์เรียนและการตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางใหม่

มีนเรียนจบครูศิลปะ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แต่จบมาไม่ได้เป็นครูนะ เพราะตอนเรียนจะมีช่วงฝึกสอน แล้วเราพบว่าการเป็นครูคือการได้ทำสิ่งเดิมๆแบบวนลูป ทำตัวอย่างงาน สื่อการสอน เตรียมเนื้อหา หรือสอนเรื่องเดิมซ้ำๆทุกห้อง แล้วเรารู้สึกว่าเรายังอยากสนุกกับเส้นทางศิลปะอยู่ เราอยากรู้ว่ายังมีอะไรให้ค้นหาหรือได้ลองทำมากกว่านี้อีกไหม ถ้าจบไปแล้วเป็นครูเลย แถมที่บ้านอยากให้เป็นข้าราชการด้วย ซึ่งมีนว่าพื้นฐานครอบครัว ค่อนข้างมีผลกับการเลือกเรียนและเลือกอาชีพ ส่วนตัวมีนเป็นคนตราด ซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆ อาชีพไม่ได้หลากหลาย เราได้ยินว่ามันมีอาชีพมัณฑนศิลป์ อาชีพศิลปิน หรือสถาปนิก แต่เราไม่เคยเข้าใจว่าคนเหล่านั้นจริงๆเขาทำอะไร เป็นยังไงกัน แล้วเราเลยกลายเป็นเด็กโลกแคบๆคนนึง ที่ไม่ได้มีการให้ความรู้หรือถูกชี้นำในการทำงานด้านศิลปะ ตอนนั้นเลยเลือกเรียนครูเพื่อจะได้มีทางสำรองให้ตัวเองไว้ แต่พอได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เราได้เห็นอะไรที่มากขึ้น มีโอกาสที่มากขึ้น มีกิจกรรมศิลปะต่างๆให้เราได้ลองหรือเอาตัวเองลงไปร่วม ได้เห็นโลกที่กว้างกว่าเดิม ทำให้เรารู้สึกสนุกกับศิลปะ แล้วอยากที่จะลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เส้นทาง Safe Zone ที่เราตั้งไว้ มีนเลยตัดสินใจบอกว่าที่บ้านว่า ยังไม่เป็นครูนะ จะขอลองก่อน โดยที่ตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหน

หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน ทำอะไรอยู่บ้าง

หลังจากเรียนจบก็ได้ไปทำงานที่บริษัทเอกชน มีนชอบการวาดรูป แต่ก็สนใจงานออกแบบ งาน Creative งานโฆษณา หรือโปสเตอร์ต่างๆด้วย เราชอบเห็นความคิดสร้างสรรค์ของคน อยากรู้ที่มาที่ไปของ concept งาน อยากรู้ว่าเขามีกระบวนการคิดกันยังไง ก็เลยคิดไปว่าเริ่มจากทำงานในบริษัทดีไซน์แล้วกัน ในตำแหน่งที่พอทำได้ เลยไปเป็น Project-Coordinator คือเป็นตัวกลางที่จะได้ประสานงานกับคนในและนอกบริษัท พอได้ทำงานนี้ มันทำให้เราได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เริ่มตั้งแต่รับบรีฟจากลูกค้า แล้วกลับมาได้เห็นว่าพี่ๆครีเอทีฟ หรือ Art director หลังได้โจทย์มาแล้วเขาคิดกันยังไง จนได้เอางานกลับไปขายลูกค้า แล้วก็ปรับแก้งาน รวมไปถึงได้เข้าไปดูงานในส่วนที่เป็นโปรดักชั่นอีก ได้ไปกองออก ไปถ่ายงานต่างๆ คือเราได้ไปประสานงานหลากหลายมาก มันเลยทำให้เรามี Skill ติดตัวมา แล้วก็ได้รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร

งานประจำถัดมา เราได้ไปทำด้านการจัดการและประสานงานส่วนของ Home decorative ใน Illustration studio แห่งหนึ่ง ซึ่งการที่ได้เข้าไปทำงานในนั้น มันแวดล้อมด้วยคนที่ทำศิลปะ เราก็จะได้เห็นมุมมองของแต่ละคน หรือวิธีการทำงาน รวมถึงได้เสพสื่อที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วย มีนเลยได้เรียนรู้ ได้เห็นภาพกว้างขึ้น นั่นก็เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของเราเหมือนกัน ที่ทำให้เราโตขึ้นไปอีกขั้น และจนถึงตอนนี้ ก็ยังทำงานด้านประสานงาน และการจัดการอยู่เหมือนเดิม

ซึ่งตั้งแต่งานแรกมาจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้มีงานประจำที่เกี่ยวกับการเป็น Artist ของตัวเองนะ มันเลยกลายเป็นแบบนี้มาโดยตลอดเลย คือเรามีชีวิตสองฝั่ง การเป็นพนักงานประจำ กับการเป็นศิลปินในเวลาของตัวเอง คู่กันมาเรื่อยๆ เราเคยผ่านจุดที่เราสับสนกับตัวเองมาเรื่อยๆว่า มีนก็อยากจะเป็น Full-time artist นะ แต่ว่าพอมาคิดดูดีๆแล้ว เราก็รู้สึกว่าทำงานประจำก็สนุกดี มันได้เรียนรู้อะไรจากคนเยอะ เราเริ่มสนุกกับเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ทำงานกับตัวเอง มันมีอะไรให้เรียนรู้แบบสนุกๆอีกเยอะมาก ซึ่งความฝันที่เราอยากเป็นศิลปินมันก็อยู่ตลอดนะ เลยเป็นสิ่งที่หลังจากเลิกงานแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกอยากกลับมาวาดรูปมากเลย หรือพอมีเวลาวันหยุดก็วาดรูป มันเลยเหมือนเริ่มเข้าใจตัวเองว่า เราอยากวาดรูปเพราะเรามีความสุข เราเคยอยากหางานประจำที่เกี่ยวกับวาดรูป แต่เราก็รู้สึกว่าถ้าเราวาดรูปเป็นงานเพื่อคนอื่น เราจะยังมีความสุขเหมือนที่เราวาดเพื่อตัวเองอยู่มั้ยนะ ก็เลยรู้สึกว่า จริงๆความสุขของเราคือตอนได้ระบายสีลงบนกระดาษ เพราะเป็นการวาดเพื่อตอบโจทย์ตัวเอง

อะไรที่ทำให้อยากกลับมาวาดรูปหลังจากทำงานประจำ

เรารู้สึกว่ามันเป็นเป้าหมายระยะไกลของเรา ที่เรายังทำงานศิลปะมาจนถึงตอนนี้ มันก็แค่เป้าหมายเดียวคือ เราอยากเป็นศิลปิน มีนชอบวาดรูป อยากวาดไปเรื่อยๆ ไม่ได้มานั่งคิดว่าจะต้องเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จอะไรบ้าง ไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้น แต่ว่าจะวาดรูปไปให้สุดทาง ไม่รู้หรอกว่าสุดทางตรงนั้นจะเป็นยังไง แต่จะวาดรูปไปเรื่อยๆ รู้แค่ว่าต้องไปให้สุด ไม่คิดจะหยุดทำอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เรามั่นใจว่าเราจะทำได้จนตายจริงๆ เหตุผลทั้งหมดนี้แหละที่ทำให้อยากกลับมาวาดรูปตลอด มีนอยากพัฒนางานตัวเองเรื่อยๆ อยากก้าวข้ามความรู้สึก อยากก้าวข้ามความกลัว อยากลองอะไรใหม่ๆ

ทำยังไงในวันที่ไม่อยากวาดรูปหรือคิดงานไม่ออก

คิดว่ามันเป็นที่ความเหนื่อย และเรามองว่ามันเป็นปกตินะ จากที่สังเกตจากตัวเอง ถ้ากลับจากทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยจนเราอยากพักอะ แปลว่ามันเหนื่อยจริงๆ เราก็เลยต้องพักก่อน แล้วพอพลังเริ่มกลับมา ก็จะอยากกลับมาวาดต่อเอง  สำหรับเรา จะมีช่วงที่อยากวาด และช่วงที่คิดไม่ออกเหมือนกัน เดี๋ยวมันก็เป็นลูปของมัน แต่ก็ต้องคอยสังเกตตอนคิดไม่ออกว่าเป็นเพราะเราไม่มีแรงบันดาลใจหรือตัวจุดประกายหรือเปล่า ก็ลองออกไปงานนิทรรศการศิลปะ ออกไปเที่ยว หรือออกไปให้มันเห็นอะไรสักอย่างไหม อย่างเราเป็นคนที่ชอบตื่นเต้นเวลาเห็นสิ่งใหม่ๆ เป็นคนเก็บรายละเอียดของสิ่งรอบตัว เห็นนู่นนี่แล้วอยากวาด พอเห็นเป็นภาพในหัว แล้วตอนนั้นก็จะมีแรงกลับมาวาดเอง ถ้ามันมีบางทีที่อยากวาดจริงๆแต่ไม่รู้จะวาดอะไร ก็แค่ลองเขียนอะไรก็ได้ วาดอะไรก็ได้ แค่ป้ายๆให้มันทำอะไรสักอย่าง เราชอบเก็บความสนุกตอนที่ได้ระบายสี แค่นี้แหละพอแล้ว ไม่สวยก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยวาดใหม่

และบางทีเราก็หาโจทย์ หาเป็นชาเลนจ์ในไอจี เช่น #stillherestillife หรือบางทีก็ไปร่วมเล่นกับ 36daysoftype ที่วาดตัวอักษร หรือจอยกับ inktober บ้าง พอมีโจทย์มาแล้วเราก็จะได้คิด ได้ตีความในแบบของตัวเอง ก็ช่วยได้เหมือนกัน

สไตล์และเทคนิคของงานที่ทำในปัจจุบัน

เราชอบลองหลายเทคนิคทั้งสีน้ำ สีกวอช แล้วก็สีอะคลิลิค แล้วก็มีใช้หมึกดำ ใช้ brush pen ด้วย บางวันก็อยากวาดหมึกดำ บางวันอยากวาดสีกวอช แล้วบางวันก็อยาก Drawing  มันไม่ได้เป็นสไตล์เดียวตลอด ก็เลยรู้สึกว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องสไตล์แล้วกัน แค่วาดเพื่อตัวเอง แค่ได้สนุก ได้ลองอะไรหลายๆอย่างก็พอ

เมื่อก่อนเราชอบวาด Portrait เพราะเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลยจะชอบวาดอะไรที่มันแน่นอน เห็นแล้วถูกต้อง หรือการวาดตามแบบ แล้วพอจะให้วาดอะไรที่มาจากจินตนาการหรือไม่มีต้นแบบ เราจะรู้สึกตัน วาดไม่ออก เพราะว่าเรากลัว เราไม่มั่นใจ การวาด Portrait เลยเป็น Safe zone อย่างหนึ่ง พอถึงจุดหนึ่งมันก็อึดอัด เพราะว่าเราอยากรู้สึกอิสระเหมือนที่คนอื่นๆได้วาดรูป ทำไมเราวาดแล้วไม่รู้สึกอิสระนะ ซึ่งเราว่าเรากลัว กลัวมันออกมาไม่สวย ถ้าดูงานช่วงแรกๆก็จะเห็นเลยว่ามันไม่ใช่งานสไตล์เดียวกับที่ทำในปัจจุบัน ที่จะมีการลดทอน ความกล้าใช้สีที่สนุกขึ้น เพราะเรารู้สึกเหมือนเราค่อยๆโตจากข้างใน แล้วก็ได้เห็นอะไรต่างๆมากขึ้น ทั้งเห็นงาน เห็นคน มันก็เลยค่อยๆเปลี่ยนตัวเรารวมไปถึงงานด้วย แต่ก็ยังชอบวาด Portrait อยู่เหมือนกัน แค่ว่ามันอาจจะไม่ได้เหมือนเดิมเป๊ะๆแล้ว

แรงบันดาลใจในการวาดรูป

มีทั้งแรงบันดาลใจจากข้างนอกและจากข้างใน แรงบันดาลใจจากข้างนอกของมีน คือการเห็นสิ่งรอบตัว เพราะเป็นคนชอบสังเกต เช่น ใบไม้ใบหญ้า อาคาร ตึก หรือแพทเทิร์นที่เราเห็น เรารู้สึกว่ามันเป็นแรงบันดาลใจได้หมดเลย การไปเที่ยวแล้วได้เห็นวัฒนธรรมจากที่ต่างๆก็เหมือนกัน พอเห็นแล้วรู้สึกว่าทุกอย่างสวยในแบบที่เป็น เราก็อยากจะถ่ายทอดสิ่งนั้นๆออกมา

ในอีกมุมนึง คือแรงบันดาลใจจากข้างใน เป็นสิ่งที่มีนยังไม่ได้ถนัดเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เป็นคนคิดมาก คิดเยอะ เราก็จะมีความรู้สึกข้างในเยอะ เลยอยากจะลองฝึกถ่ายทอดความรู้สึกตรงนี้ออกมาเป็นภาพได้มากขึ้น เพราะเรารู้สึกว่า ถ้าเราสามารถที่จะเล่าเรื่องข้างในออกมาได้ สำหรับเราถือเป็นการก้าวข้ามความกลัวในการวาดรูปแบบไม่มีต้นแบบได้เหมือนกัน อย่างที่บอกว่าเมื่อก่อนจะชอบวาดจากสิ่งที่จริง ถูกต้อง มีต้นแบบ แต่การวาดจากข้างใน สำหรับเรามัน abstact มากๆ เราจะถ่ายทอดออกมายังไงให้คนเห็นความรู้สึกตรงนั้น ต้องใช้สียังไง ใช้รูปร่างยังไง จัดองค์ประกอบแบบไหน นี่คือสิ่งที่เรากำลังเรียนรู้กับตัวเองอยู่ แล้วก็อยากจะลองทำงานเกี่ยวกับการเล่าเรื่องจากข้างใน

ทิศทางผลงานในอนาคต

มีนอยากกล้าเขียนแคนวาสมากขึ้น ยังไม่เคยได้ลองวาดบนแคนวาสเพราะความขี้กลัว จริงๆเคยวาดตอนเรียนแล้วมันก็ไม่สวย เพราะว่าการเรียนศิลปะในมหาลัย มักจะมีโจทย์ให้วาดวิวทิวทัศน์ วาดแม่น้ำ วาดตลาด วาดแลนด์สเคป ซึ่งเราทำได้ไม่ดีเลย พอเรารู้สึกว่าตัวเองวาดไม่สวยแล้วเราก็ท้อใจ แต่พอเรามาทำงานและได้เห็นการทำงานที่หลากหลายขึ้นของคนที่เค้าใช้สีอะคลิลิคหรือสีน้ำมัน ก็เห็นว่ามันไม่ต้องวาดแบบจริงจัง เครียดๆเหมือนโจทย์ตอนเรียนก็ได้นี่หน่า เราเอามาวาดให้มันเป็นกราฟิกสนุกๆก็ได้ หรือการวาดแบบลดทอนแสงเงาก็ได้ เลยเหมือนเริ่มทำให้เราอยากลองวาดในแบบของตัวเองบ้าง แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้เรียกว่าก้าวข้ามความรู้สึกกลัวการวาดบนแคนวาสได้ขนาดนั้น แต่ก็พยายามอยู่ ผลงานในอนาคตน่าจะเป็นการเริ่มวาดบนแคนวาสด้วยสีอะคลิลิค

คิดยังไงกับการผลิตผลงานศิลปะซ้ำ (Art Reproduction)

มีนรู้สึกว่ามันเป็นการให้คนเข้าถึงงานเราได้มากขึ้น ถ้าเรามีผลิตเป็นชิ้นงานพิมพ์ย่อยๆมีนไม่ได้รู้สึกว่ามันทำให้คุณค่าของงานจริงลดลงนะ คนอื่นอาจจะคิดว่า ผลิตงานพิมพ์มาตั้งเยอะแล้ว คุณค่าของตัวตั้งต้นก็อาจจะน้อยลง แต่มีนไม่ได้สนใจตรงนั้น เพราะเรารักงานเราทุกชิ้น คนอื่นจะให้ค่ายังไงไม่รู้ แต่เราให้ค่างานเรามาก เพราะชั้นรักมันมากเลย ทุกฝีแปรงที่ชั้นวาดลงไปชั้นรักมันอะ อีกอย่างการพิมพ์งานแล้วทำให้มันอยู่ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ก็ทำให้คนเข้าถึงศิลปะได้มากขึ้นด้วย นึกถึงถ้าเด็กๆหรือวัยรุ่น คนที่อาจจะไม่ได้มีกำลังซื้อ อยากจะสะสมงานศิลปะ แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนไปซื้องานจริงได้ตลอด ขนาดตัวเราเองตอนเป็นเด็ก เรายังอยากจะเก็บเท่าที่เราเก็บได้เลย เราอยากซื้อในราคาที่เราจับต้องได้ แต่มีนก็ไม่ได้บอกว่าคนที่เค้าให้คุณค่ากับงานจริงเป็นเรื่องที่ผิดนะ มันแล้วแต่ว่าเรามองมุมไหนมากกว่า

การมองว่ากลุ่มลูกค้าของเราคือใคร อาจจะมองได้เป็น 2 ตลาด ถ้าเป็นทางของ Fine art ก็จะแสดงงานกันในแกลอรี่ แต่ถ้าเป็นทางของ Illustration พวกนักวาดภาพประกอบ เขาก็จะไปออกบูธขายงานกัน คือตลาดมันก็คนละกลุ่มอยู่แล้ว มีนว่ามันไม่มีทางไหนผิดหรือถูก แล้วแต่ว่าจะวางตัวเองไว้ในตำแหน่งไหน มันคือการทำของเพื่อออกสู่ตลาดที่เราอยากจะไปอยู่ สำหรับตำแหน่งที่มีนอยู่ คนอายุรุ่นๆเดียวกันหรืออายุน้อยกว่าค่อนข้างเยอะ การที่เราทำแบบนี้มันก็ดูจะถูกต้องในตลาดแบบนี้แล้ว เอาง่ายๆเวลามีนไปออกบูธต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Bangkok Illustration fair หรือไปออกบูธที่ฮ่องกง มันได้เห็นคนที่ชอบงานเรานะ เราก็เลยรู้ว่าเขาคือใคร อายุประมาณเท่าไหร่ เป็นคนคาแรคเตอร์ประมาณไหนที่เค้าชอบงานเรา หรือดูที่ follower ใน Instagram ว่าอยู่ในช่วงอายุประมาณเท่าไหร่ นั่นคือคนที่จะสนับสนุนงานเรา มีนก็อยากให้คนที่ชอบเขาได้เอาไปสะสม มีนว่าดีซะอีกที่ได้เข้าถึงคนได้กว้างขึ้น

ผลงานที่ชอบและอยากพูดถึง

ช่วงที่เรามีความไม่มั่นใจข้างใน ทำให้เรารู้สึกกลัวไปหมด การที่จะวาดอะไรบางอย่างที่มันต้องกลั่นออกมามันยากมาก แล้วภาพนี้เป็นเหมือนจุดก้าวข้ามเส้นแบ่งตรงนั้น เป็นภาพที่ชื่อว่า “Trust your soul” ให้เราเชื่อมั่นในตัวเองไว้ ในวันที่เราค่อยๆเติบโตขึ้นแล้วเราได้รักตัวเองจากข้างในมากขึ้น เราก็พยายามบอกตัวเองไว้เสมอว่า ให้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ ทำไปเถอะไม่ต้องไปกลัว ก็เลยเกิดเป็นภาพนี้ออกมา เป็นภาพที่ได้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ พูดถึงเรื่องเล่าของอดัมกับอีฟในสวนเอเดนและมีกฎว่าห้ามกินแอปเปิล พอวันนึงอีฟได้ไปกินแอปเปิล เลยถูกพระเจ้าลงโทษให้ไปเกิดเป็นมนุษย์เพราะทำข้อห้ามนั้น แล้วเขาก็ตั้งคำถามว่าทำไมการที่เราอยากทำตามใจตัวเองถึงเป็นสิ่งที่ผิดบาป ทั้งๆที่มันควรจะมีอิสระในการที่จะทำในสิ่งที่อยากทำไม่ใช่หรอ มีนเลยเอาเรื่องนี้มาตีความเป็นรูปแอปเปิลที่มีงูสองตัวแทนอดัมกับอีฟ ทำให้มีรูปร่างเหมือนอวัยวะภายใน เหมือนเป็นร่างกายแล้วก็มีหัวใจ ส่วนผีเสื้อให้ความเป็นอิสระ เป็นภาพที่ให้เราเชื่อมั่นกับการทำสิ่งต่างๆที่ตัวเองอยากทำ มันไม่ใช่เรื่องผิด ขอแค่ให้รับกับผลที่ตามมาได้ ถ้าเชื่อว่ามันดีก็ทำไปเลย ให้ Trust your soul เอาไว้

งานออกแบบปกหนังสือเรื่อง “โนอาห์แห่งความทรงจำ” เป็นอีกชิ้นที่ชอบเพราะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว แทบทุกครั้งที่เข้าร้านหนังสือก็จะฝันว่าอยากเห็นงานตัวเองในร้านหนังสือบ้างจัง อยากเห็นงานเราบนปกหนังสือ นี่ก็เป็นเล่มแรกที่ได้ทำในปี 2022 ผลงาน Original เป็นงานวาดด้วยมือ แล้วค่อยมาจัดองค์ประกอบและตกแต่งเพิ่มในคอมพิวเตอร์นิดหน่อย หลักๆเป็นการวาดด้วยสีน้ำ อย่างพื้นหลังก็ตั้งใจจะทำลงบนกระดาษ แล้วมีนใช้สีที่มันมีตะกอนของสี ก็จะได้ Texture คนละอย่างจากการวาดในคอมเลย รวมถึงกระดาษที่เลือกใช้ด้วย เราชอบเสน่ห์ตรงนี้ กระดาษที่ใช้ในแต่ละงานเราเลือกหมดเลยว่าอยากได้อารมณ์ไหน แล้วต้องใช้กระดาษยี่ห้อไหน Texture แบบไหนบ้าง

ออกแบบปกสมุดโน้ตให้แบรนด์เครื่องเขียนในประเทศมาเลเซีย เขาให้เราส่งไฟล์เพื่อไปพิมพ์หน้าปกแล้วก็ผลิตมาให้เรา 5 เล่มแบบไม่ได้ผลิตเพิ่ม เป็นแบรนด์ที่น่ารักมาก ชื่อแบรนด์ Anatomy หน้าปกพิมพ์ลงบนผ้าแล้วหุ้มกระดาษแข็ง ปั๊มฟอยล์ได้ด้วย ข้างในก็ออกแบบเองได้ทุกอย่าง อยากได้กระดาษแบบไหน หรืออยากได้เป็นปฏิทิน แล้วเป็นงานทำมือแทบจะทั้งเล่มเลย แล้วเครื่องเขียนอื่นๆก็ดี งานนี้เป็นอีกงานที่ชอบ เพราะไม่ค่อยได้ทำงานที่ต้องจัดองค์ประกอบเยอะๆ ส่วนใหญ่จะเน้นแค่ element เดี่ยวๆ งานนี้ก็เหมือนเป็นอีกงานที่ได้ลองจัดวางองค์ประกอบที่มันเยอะขึ้น แล้วเรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราได้โจทย์มา ก็เหมือนได้เห็นตัวเองโตขึ้นทีละนิด เพราะเวลาเราวาดรูป มันก็คือการวาดเพื่อตัวเอง อาจจะไม่ได้มีโจทย์มาท้าทายเราเพื่อให้ก้าวกระโดดไปอีกขั้น แต่พอมันมีโจทย์ให้เรามาคิดต่อว่าจะทำยังไงให้มันอยู่บนปกสมุดหรือหนังสือแล้วจะดูสวย หรือจะต้องใช้เทคนิคอะไรที่มากกว่าแค่การวาดมือหรือเปล่า หรือต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มเติมไหม มันเลยเหมือนเราได้เรียนรู้ที่จะได้ทำ แล้วก็ได้ลองไปเรื่อยๆ

ฝากผลงาน

ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงก้าวข้ามไปสู่งานวาดบนแคนวาส อยากลองออกจากงานบนกระดาษเล็กๆดู สามารถติดตามได้ที่ IG : Meanapas.c ค่ะ