พูดคุยกับศิลปิน Street art ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร กับเส้นทางการค้นหาตัวเองกว่าจะมาเป็น “TANPOPOE” ในวันนี้
แนะนำตัวเอง
โป – กฤติน คล้ำชื่น นามปากกา Tanpopoe จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี สาขาวิชามีเดียอาตส์ เอก animation ปัจจุบันสร้างผลงาน NFT , วาดภาพประกอบ ,street art ,art toy และทุกอย่างที่วาดรูปได้
จุดเริ่มต้นของงาน ART
เริ่มตั้งแต่ช่วงวัยเด็กประมาณ ป.4 – ป.5 เราจะชอบวาดรูปเล่นกับเพื่อนอยู่แล้ว เริ่มมาจริงจังกับการวาดมากขึ้นตอนเข้ามหาลัย ก่อนหน้านี้เรียนอาชีวะสัตหีบชลบุรี ทางบ้านทำโรงงานอุตสาหกรรมไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องศิลปะเราเลยต้องแอบส่งงานวาดรูปมาสมัครเข้าเรียนที่เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) จนสอบติดก็ยังต้องแอบมาเรียนพอที่บ้านจับได้ก็ยอมให้เรียนแต่โดยดี (หัวเราะ)
คนยุคก่อนหน้าเราคงคิดว่าการวาดรูปมันหาเลี้ยงชีวิตไม่ได้ แต่เราก็พิสูจน์ตัวเองมาตลอด ตอนเรียนก็พยายามส่งงานประกวดที่เป็นโจทย์แนว comic ได้รางวัลบ้างไม่ได้บ้าง ส่วนเอกที่เราเรียนเป็น animation เราก็ได้ animate การ์ตูนต่างๆ จนรู้สึกว่าการวาดรูป 30 หน้า หรือการทำเฟรมเป็นร้อยๆเฟรมมันเหนื่อยเลยคิดหาทางออกที่สามารถผลักดันไฟในตัวเราให้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นเลยเริ่มทำงานภาพประกอบและงานมังงะไปพร้อมกับส่งประกวด จนมาถึงงานประกวดซากุระเป็นงานที่ทำให้เราหาความเป็นตัวเองเจอ เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นเราส่งงานประกวดไปแล้วตกรอบเลยกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงตกรอบ จนตกตะกอนแล้วตอบตัวเองได้ว่าคนรอบข้างเราที่เขาเข้ารอบเพราะงานเขามีความ uniqe สูง แล้วเราล่ะไม่มีความเป็นตัวเองเลย หลังจากนั้นก็ค่อยๆหาคาแรคเตอร์ตัวเองออกมา เริ่มจากวาดภาพเหมือนตัวเองแต่ก็ยังดูไม่ตอบโจทย์ ค่อยๆหาตัวตนต่อไปเรื่อยๆจนมาเป็นโครงหน้าตัวละครดิสนีย์หรือตัวละครหน้ากลม เริ่มรู้สึกว่ามาถูกทางละ
ช่วงเรียนมหาลัยปี 4 ได้มีโอกาสเจอพี่ท่านหนึ่งชื่อ ฮ่องเต้ พี่หมู ไตรพัฒน์ เดอะดวง เขาเริ่มสนับสนุนให้เราลองจัด exhibition show คนก็เริ่มหันมาสนใจงานเราเพิ่มมากขึ้น พอเรียนจบก็เริ่มทำ NFTs เลย ขายออกในเดือนที่ 3 และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
อะไรที่ทำให้มี passion ทำงานต่อไป
เราจะมีสมุดเล่มหนึ่งที่เขียน achievement ของตัวเองเหมือนเวลาเล่นเกมแล้วผ่านด่านเก็บแต้มไปเรื่อยๆ เราเขียนไว้ว่า ต้องไปเพ้นท์กำแพงทั่วประเทศ ต้องได้ขึ้นบิลบอร์ดนิวยอร์ก เราไปทำงานกี่ประเทศแล้ว อยากจะ checklist ไปเรื่อยๆ คิดว่านี่เป็นทั้งแรงบันดาลใจทั้ง passion
Style งานคืออะไร
ส่วนหนึ่งคือตัวเราเองที่ทำให้คนจดจำ เช่นเรื่องการแต่งตัว เราชอบดอกไม้ก็จะวาดภาพตัวละครที่กำลังถือดอกไม้ activity ชีวิตจริงคืออะไรก็จะจับลงไปในภาพวาด สุขหรือเศร้า ก็จะถ่ายทอดลงภาพวาด เพื่อนที่สนิทก็แซวเล่นว่าเลิกวาดตัวเองเถอะเบื่อจะดูแล้ว (หัวเราะ) ได้วาดตัวเองมันก็มีความสุข ผสมความเป็น street art ใส่ graffiti เล็กน้อยลงไปด้วย
เทคนิคที่ใช้ในงาน
ก่อนหน้านี้ใช้เทคนิค inking ด้วยปากกาไมโครซากุระ ใช้เงาเป็นการสานเส้น ขอบเส้นจะหนากว่าส่วนอื่น ช่วงหลังจะวาดในไอแพดแทนแต่ยังคงใช้เส้นเหมือนเดิมอยู่
จุดเปลี่ยนที่ค้นพบตัวเอง
ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่เราเรียนไฟฟ้ากำลังอาชีวะ ทำงานด้วยเรียนไปด้วยไม่ได้มีเวลามาวาดรูปมากนัก ช่วงเวลานั้นก็ยังชอบวาดรูปต้องแอบวาดแอบทำอยากพิสูจน์ตัวเองกับทางบ้านด้วย อีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คืองานซากุระที่ทำให้สไตล์งานตัวเองชัดเจนรู้ว่าความ unique และ คาแรคเตอร์ ของตัวเองคืออะไร
3 ผลงานที่อยากพูดถึง
Art distract – ถ้าการขับเคลื่อนผลงานแรปเปอร์คือการ ด่า นินทากัน ผลงานชิ้นนี้คือการขับเคลื่อนวงการด้วยผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์
I hate this feeling – ช่วงที่เราท็อปฟอร์มจะมีคนไม่ชอบเรา เลยเอาอารมณ์เกรี้ยวกราดของพวกเขาเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันในงานนี้
Rider – การออกไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นตอนกลางคืน ผิวหน้าได้ปะทะลม เป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุข บางอย่างที่เราไม่ได้ทำในชีวิตจริง จะสร้างให้ตัวละครในงานได้ทำก่อน
ทิศทางผลงานในอนาคต
ทุกครั้งที่เราเริ่มตันกับการคิดงานก็จะออกไปเพ้นท์กำแพง พยายามดัน skill ตัวเองไปเรื่อยๆ และขยี้คาแรคเตอร์ตัวเองให้สนุกมากกว่านี้อีก
คิดยังไงกับ Art Reproduction
บางคนชอบสะสมงานเป็นคอลเลคชั่น คนๆนั้นก็จะมีโอกาสครอบครองงานและไม่จำเป็นต้องมีชิ้นเดียว การขายงานแบบ one of one อาจจะได้ราคาดีกว่าการขายงานซ้ำๆ แต่เราไม่คิดเรื่องเงินเท่าไหร่ อยากเห็นคุณค่าผลงานเรามากกว่า
ฝากปิดท้าย
ศิลปินหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำผลงานตอนนี้อาจยังไม่มีตัวตน แต่โดนตัดแข้งตัดขาจากผู้วิจารณ์ก่อนจนบางคนก็หยุดวาดรูปไปเลยก็มี อยากให้ทุกคนให้โอกาสศิลปินหน้าใหม่ได้แจ้งเกิดแต่ขณะเดียวกันศิลปินหน้าใหม่ก็อย่าใช้โอกาสนี้ลอกเลียนแบบผลงานคนอื่นเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ต้องช่วยๆกัน