Interview

Knn.Five x Adis Art Studio

วันนี้เรามาชวนพูดคุยกับ นัท – คณัสนันท์ เข็มทอง หรือที่เรารู้จักกันในนาม “Knn.Five” ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรงจากรั้วศิลปากร กับ Character ที่มีเอกลัษณ์เฉพาะตัวของพี่เพลิง สี่ตา หัวไฟ สะท้อนตัวตนของศิลปินออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

เริ่มเข้าวงการศิลปะได้ยังไง?

ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆไม่ได้คิดว่าจะสามารถมาเป็นอาชีพได้ แบ่งให้อยู่ในพาร์ทความสามารถที่ไว้ทำเป็นงานอดิเรก แต่พอมามอปลายเพิ่งรู้จักว่ามีการติวเพื่อสอบเข้าคณะหนึ่งซึ่งการเรียนคือการวาดรูปหมดเลย ส่วนตัวรู้จักแค่คณะที่เรียนเชิงนี้ คือหนึ่งจิตรกรรม สมัยนั้นเรารู้จักศิลปินน้อยมากและเป็นงานแบบที่เราไม่เข้าใจ เลยรู้สึกว่าคณะนี้น่าจะไกลตัว ส่วนสอง ที่รู้จักคือประมาณออกแบบ interior  สถาปัตย์ เรารู้ว่าศิลปะน่าจะมีแค่ 2 แบบนี้ แต่พอเห็นเพื่อนไปติววาดรูปเลยรู้ว่ามีคณะที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2  อย่างนี้ด้วย คือ มัณฑนศิลป์ แล้วในคณะนี้ก็มีเอกที่ทำให้เราสามารถวาดการ์ตูนเป็นอาชีพได้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นนักวาดการ์ตูนเพราะไม่ได้ชอบเขียนการ์ตูนเป็นเรื่องเป็นฉากๆแต่ชอบเขียนทั้งภาพ แต่ไม่รู้ว่ามันเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร จนได้มาติววาดรูปถึงรู้จักและเข้าใจมากขึ้น พอเรียนลึกลงไปถึงได้รู้จัก ประยุกต์ศิลป์ แล้วในภาควิชานี้ก็มีเอกต่างๆเช่น ภาพพิมพ์ ประติมากรรม สิ่งทอ ศิลปะไทย และ จิตรกรรมอีก รู้สึกว่ามันน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ พอเรียนจริงๆสังคมมีส่วนช่วยมากทั้งเพื่อนๆและรุ่นพี่รุ่นน้อง รู้สึกว่าในมหาลัยรวมเด็กที่เก่งไว้ด้วยกันเพื่อนๆที่เรียนด้วยกันเก่งทุกคน เลย รู้สึกมีแรงผลักดันมากๆและสนุกกับการทำงาน 

ก่อนหน้านี้ก็ได้ทำงานมาหลายแบบได้รับโอกาสดีๆและต่อยอดมาเรื่อยๆ  ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถือว่าประสบความสำเร็จอะไรมากมายแต่คิดว่าอยากลองทำตามความฝันดูกันสักตั้ง  และมีโอกาสได้ทำ solo exhibition ซึ่งเป็นประสบการณที่ดีมากๆ ต้องอดทน และตั้งใจมากๆในการสร้างให้เกิดงานแสดงเดี่ยวได้  เปรียบเหมือนนักร้องที่เก็บตัวทำอัลบั้มวันนึงมีชื่อเสียงมากขึ้น อาจจะได้มีโอกาสจัดทัวร์คอนเสิร์ต และมีคนรู้จักมากขึ้น ผมอยากลองกับวิธีการแบบนี้ อยากให้งานอยู่ได้ในหลายๆอย่างได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในแกลอรี่ หรืองาน  painting อาจจะอยู่ใน merchandise เล็กๆก็ได้ ขอบคุณทุกคนมากๆตัวเราเองเติบโตมาจากคนที่อยู่ข้างๆตั้งแต่วันที่ยังไม่มีคนรู้จัก จากนี้ก็ให้อยากงานเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับทุกคน

ทำไมต้องเป็นสไตล์นี้ ?

การวาดแนวการ์ตูนก็เสี่ยงมากเพราะสิ่งนี้มาจากความชอบล้วนๆมาจากการเสพสิ่งต่างๆที่สะสมในตัวเรา เป็นการจับสิ่งต่างๆที่เราชอบมาผสมผสานกันไม่ได้เกิดขึ้นเองครั้งแรกจากเราเช่น เราวาดต้นไม้แล้วตกผลึกว่านี่คือต้นไม้สไตล์เราคนแรก แต่แนวการ์ตูนเป็นสิ่งที่มีคนทำมาก่อนแล้วเราไปเสพสิ่งนั้นมาและนำมาต่อยอด มีโอกาสสูงมากที่งานเราจะอ้างอิงไปถึงอะไรบางอย่างได้ ต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนแรกสไตล์ก็ไม่ได้คงที่แบบนี้ ไปเหมือนอันนั้นบ้าง โดนว่าโดนติบ้าง แต่เราน้อมรับทุกข้อผิดพลาดแล้วแก้ไข การทำงานศิลปะมันสามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ตลอดอยู่แล้ว มีช่วงนึงที่หายไปไม่ค่อยกล้าที่จะวาดอะไร แต่เราก็ฟื้นกลับมาเพื่อพัฒนาแก้ไขในสิ่งที่เราทำพลาดไป บางคนอาจจะรู้สึกว่างานที่เรายังไม่ดี มีข้อผิดพลาด แต่ยังไม่อยากให้รีบตัดสินกันถ้าให้โอกาสเราพัฒนาต่อมันจะดีขึ้นแน่นอน 

เรื่องลายเส้นสำหรับเราไม่อยากจำกัดตัวเองว่าต้องวาดสี่ตาหรืออะไร ไม่อยาก represent ว่านี่คือตัวเรามากๆ แต่ที่วาดสี่ตาอยู่ตอนนี้เพราะตั้งใจเล่าเรื่องของตัวละครเหล่านี้ โลกใบนี้ที่สร้างขึ้นมา  เราจำลองโลกที่มีเส้นเรื่องและเป็นวางเดินทางยาวของงานชุดนี้ไว้แล้ว  แต่ส่วนตัวจะให้ความสำคัญกับเรื่องราว และเนื้อหาในงานมากกว่า ที่บอกความเป็นตัวเรา รสนิยมของเรา เช่น เราชอบอะไร สนใจอะไร จะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นทั้งจากตัวเราและในงานของเรา

ที่มาของชื่อ Knn.Five

มาจากชื่อจริง Knn – คณัสนันท์  และ Five – 5 รู้สึกโชคดีทุกครั้งที่มีเลข 5 อยู่ใกล้ๆ คงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเลขนี้ เวลาที่ต้องตัดสินใจอะไรจะต้องใช้เลข 5 เสมอ

ใช้แรงบันดาลใจอะไรในการสร้างงาน

ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในชีวิต เช่นบางช่วงอินมอเตอร์ไซค์ก็จะวาดแบบนั้น ชอบคิดงานจากเรื่องเล็กๆแต่จะทำให้มันโอเวอร์ อย่างสมัยเรียนมีช่วงจังหวะที่ขับมอเตอร์ไซค์ไปกินข้าว เราจินตนาการว่าขับรถไปแบบซิ่งๆพุ่งๆต้องรีบไปเดี๋ยวคนเยอะ แล้ว visual รอบๆจะเป็นแบบนั้นแบบนี้จินตนาการให้มัน surreal ขึ้นมา โดยที่เส้นเรื่องคือ “ผมอยากไปกินข้าว” รู้สึกว่าชอบความ enjoy กับเรื่องเล็กๆแบบนี้ ตอนเรียนอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งบอกเราว่า ต้องจริงใจกับความชอบของเรา งานเราไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่กับใคร ให้ยิ่งใหญ่กับตัวเองก็พอแล้ว เพราะมันจะมีคนที่เชื่อเรื่องเดียวกับเรา ชอบแบบเดียวกับเรา และมันก็จะส่งผลต่อเขาเช่นกัน อย่างคนที่เรียน product design ทำเก้าอี้ทุกปีเลย คนนอกก็คิดว่าทำไมต้องทำแต่เก้าอี้แต่พอเข้าไปศึกษาจริงๆ เก้าอี้สำหรับพวกเขามันมีประวัติศาสตร์เรื่องราวมานานมากทำให้เก้าอี้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเขาและถ้าคุณชอบเรื่องนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป  เราเองก็เหมือนกันจะเล่าเรื่องในจินตนาการออกมา ถ้ามีคน enjoy มันก็กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราและเขาเหมือนกัน อาจจะมาจากแค่ในจินตนาการไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร หรือไม่ได้อิงจากความเป็นจริงแต่เราก็มีความสุขกับตรงนั้นเพราะว่ามันสำคัญกับเรา

เกิด solo exhibition “ENDneagram 9+1” ขึ้นได้ยังไง

ทางแกลอรี่เคยติดต่อมานานแล้ว ส่วนตัวเคยมาดูงานที่นี่แล้วชอบงานที่มาจัดแสดงรู้สึกว่าเท่ห์ดี ตอนนั้นนั่งรถมาจากนครปฐมเพื่อมาที่นี่เลยเพราะมีศิลปินที่ชอบมาแสดงงาน คิดว่ามันต่างจากแกลอรี่ทั่วไป ยุคนั้นเวลามาดูงานมันค่อนข้างน่ากลัวสำหรับเด็กนักศีกษาที่ไม่ได้มีสังคมอะไรมากมาย ไม่มี ig หรือ influencer มาเดินงาน เรายังเป็นเด็กเด๋อคนนึงที่มาดูงานแล้วไม่รู้จักใคร ซึ่งตอนนั้นที่มารู้สึกว่ามีพื้นที่แบบนี้สำหรับเราด้วย

เล่าเกี่ยวกับนิทรรศการนี้หน่อย

นิทรรศการนี้ชื่อว่า ENDneagram  9+1 เป็นศาสตร์นพลักษณ์นิสัยของมนุษย์ทั้ง 9 แบบตามหลักสากล ตั้งใจโชว์งานใหม่ทั้ง 9 ชิ้น และเอางานเก่ามาแสดงด้วยส่วนนึงเพื่อให้คนที่ยังไม่ได้รู้จักกันมาเห็นผลงานเดิมของเรา เริ่มต้นมีตัวละครเริ่มเรื่องชื่อ พี่เพลิง ก็เลยเลือก idea ที่เราอยากเล่าถึงตัวละครซัก 10 ตัว เป็นเหมือนหัวหน้าหน่วยหรือตัวแทนอะไรบางอย่าง ช่วงนั้นไม่เข้าใจตัวเองและไม่เข้าใจคนอื่น ตอนเด็กเคยคิดว่าตัวเองคือพาวเวอร์เรนเจอร์สีแดง ร้อนแรงร้อนรุ่มเป็นตัวนำ แต่จริงๆลึกเราเป็นพาวเวอร์เรนเจอร์สีเหลืองสีฟ้า คือตัวละครคาแรคเตอร์จางๆ แสดงท่าทางร่าเริงเฮฮาแต่จริงๆชอบอยู่บ้านเงียบ ก็เลยเริ่มสนใจศาสตร์นี้ เริ่มศึกษาทำความเข้าใจประเภทของคน ทำแบบทดสอบ ข้อดีข้อเสีย วิธีการรับมือ นี่คือที่มาของ exhibition นี้ 

ผลงานทีอยากพูดถึง

ศาสตร์ทั้งหมดมี 9 แบบ แต่เราทำทั้งหมด 10 เฟรมรวมกระจกด้วย ส่วนนี้ไม่มีในศาสตร์แต่เล่นคำ ว่า ENDneagram  END อันสุดท้าย=จุดจบ เป็นชิ้นที่ 10 จากบททดสอบ 10 ข้อ เลยตั้งใจทำกระจกขึ้นมาเพื่อสะท้อนตัวเอง เราอาจจะไม่ได้เป็นคนแบบใดแบบหนึ่ง แต่คนหนึ่งคนเต็มไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง 

(พี่เพลิง) the achiever เป็นตัวละครไฟตัวแรกที่เขียนปรับเปลี่ยนพัฒนาคาแรคเตอร์มาเรื่อยๆ ในงานนี้ เราทำแบบทดสอบแล้วได้พี่เพลิง เลยถ่ายทอดตัวละครนี้ออกมาเป็นตัวแทนในด้านที่เราไม่แสดงออก เราไม่ได้ชอบยิ้ม ไม่ได้ร่าเริงแบบนี้ในทุกสถานการณ์ แต่ต้องยอมรับสิ่งที่เราเป็น พี่เพลิงเป็นลักษณ์ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ในต้องการประสบความสำเร็จบางอย่าง ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ทิศทางผลงานในอนาคต

ก่อนหน้านี้มีทั้งงาน illustrator , street art แนว mural painter ในส่วนนี้เราหาเวลาไปทำให้ชุมชนและสถานที่ต่างๆแล้วมีความสุขมากและยังคงทำอยู่ เรามีความฝันว่าอยากฝากผลงานตัวเองไว้ทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอีกพาร์ตคือการแสดงงาน ตัวละครและเรื่องราวของเรามีคนติดตามมากขึ้นซึ่งดีใจมากๆ เราอาจจะหายไปอีกครั้งเพื่อกลับมาใหม่ในอัลบั้มหน้า (next solo exhibition) ในการเดินทางครั้งหน้าของโลกใบนี้จะอลังการสุดแน่นอน  ฝากติดตามได้เรื่อยๆนะครับ ส่วนมากอัพเดตในช่องทาง https://www.instagram.com/knn.five และ https://www.facebook.com/knnfive ครับ

Related Posts